โดย นายดุสิต สมใจ HIGHLIGHTS โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ใช้พลังงานความร้อนที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้จากก๊าซเชื้อเพลิง ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) และก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas: NG) โดยทั่วไป โรงงานจะเลือกใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือก๊าซธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยโรงงานจะลงทุนระบบใหม่และยกเลิกระบบเดิม แต่ในปัจจุบัน โรงงานอุตสาหกรรมสามารถใช้งานก๊าซเชื้อเพลิงทั้งสองชนิดได้โดยไม่ต้องยกเลิกระบบเดิม ดังเช่นโรงงานที่กล่าวถึงในบทความนี้ เดิมโรงงานนี้ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวจากถังเก็บและจ่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว เพื่อนำก๊าซปิโตรเลียมเหลวไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับหม้อไอน้ำ (Boiler) ในโรงงาน ต่อมาโรงงานมีความประสงค์จะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อไอน้ำ (Boiler) เพื่อเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกด้วย โดยในช่วงที่ก๊าซปิโตรเลียมเหลวแพงก็จะเลือกใช้ก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ จะพิจารณาจากราคาก๊าซเป็นหลัก และหากราคาก๊าซธรรมชาติแพงขึ้นถึงจุดหนึ่ง โรงงานก็สามารถเปลี่ยนกลับมาใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวได้ หากโรงงานต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ต้องพิจารณาถึงความสะดวกในการจัดหาเชื้อเพลิง เนื่องจากก๊าซธรรมชาติจะถูกจัดส่งจากระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อเป็นหลัก หรือหากโรงงานตั้งอยู่นอกแนวท่อส่งก๊าซ โรงงานสามารถจัดหาก๊าซธรรมชาติจากรถขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด (Compressed Natural Gas : CNG) ซึ่งเป็นการขนส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในสถานะก๊าซได้ ปัจจุบัน การขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในสถานะของเหลวโดยรถขนส่งก๊าซได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถขนส่งได้ปริมาณมากกว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในสถานะก๊าซ ดังนั้น การขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวไปยังโรงงานที่อยู่นอกแนวเส้นท่อของระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อจึงมีความคุ้มค่ามากขึ้น รถขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว […]